เมนูนำทาง
กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน รูปแบบรายการช่วงทดลองวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าจะใช้ชีวิตประจำวันได้หรือไม่ โดยที่ผู้ชมทางบ้านได้เขียนจดหมายไปยังรายการ และให้รายการได้ทดลองวิทยาศาสตร์ที่ผู้ชมทางบ้านเขียนจดหมาย โดยการนำเสนอคล้ายคลึงกับรายการ จิกะไบต์
ช่วงที่คนไทยที่จะแสดงความสามารถ ความรอบรู้ต่างๆ ที่อยากจะออกรายการ อาทิเช่น จดจำหมายเลขไปรษณีย์ หรือ หมายเลขสายรถประจำทาง เป็นต้น
ช่วงที่พิธีกรที่จะสนทนากับดารารับเชิญที่จะมาเชิญในแต่ละสัปดาห์นั้น ที่เคยมีประเด็นข่าวของวงการบันเทิงต่างๆ
ช่วงการแสดงละครตลก โดยนักแสดงจากค่ายทริปเปิ้ลทู ได้แก่ ติ๊ก กลิ่นสี, จาตุรงค์ มกจ๊ก, นุ้ย เชิญยิ้ม และนักแสดงจากค่ายเจเอสแอล ได้แก่ วรรธนะ กัมทรทิพย์, เชษฐวุฒิ วัชรคุณ และ เชาวลิต ศรีมั่นคงธรรม (เชาเชา)
รอบสุดท้าย (Jackpot) ของรายการกิ๊กดู๋ มีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 16 แผ่นป้าย แบ่งเป็นแผ่นป้ายกิ๊ก 8 แผ่นป้าย เป็นแผ่นป้ายเปล่าไม่มีเงินรางวัลแต่อย่างใด และแผ่นป้ายดู๋ 8 แผ่นป้าย มีเงินรางวัล 5,000 บาท ทั้งนี้ถ้าผู้เข้าแข่งขันทั้ง 5 คนสามารถเปิดแผ่นป้ายดู๋ได้ครบ 5 แผ่นป้าย จะได้รับเงินรางวัล 25,000 บาท โดยเงินรางวัลที่ได้จะมอบให้กับหน่วยงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ
ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนเป็นแผ่นป้ายกิ๊ก 8 แผ่นป้าย ดู๋ 7 แผ่นป้าย และดู๋คูณสอง 1 แผ่นป้าย ให้ผู้เข้าแข่งขัน 5 คน จะต้องเปิดป้ายคนละ 1 แผ่นป้าย ทั้งหมด 5 แผ่นป้าย ถ้าเปิดแผ่นป้าย "ดู๋" จะได้รางวัลป้ายละ 10,000 บาท ถ้าเปิดแผ่นป้าย "กิ๊ก" จะได้รับรางวัลป้ายละ 1,000 บาท ถ้าเปิดได้ป้ายดู๋คูณสอง เงินรางวัลของป้ายนั้น และป้ายต่อๆ ไปเงินรางวัลจะถูกคูณสอง และนำมารวมกับเงินรางวัลกับป้ายที่เปิดออกมาก่อนป้ายดู๋คูณสอง โดยเงินรางวัล สูงสุดคือ 100,000 บาท และเงินรางวัลที่ได้จะมอบให้แก่หน่วยงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ
รูปแบบแรกจะมี 32 ทีมจาก 32 ชุมชน 32 อำเภอ ทีมละ 3 คน แบ่งเป็น 16 สาย สายละ 2 ทีมมาแข่งขันกันเพื่อหา 1 ชุมชนเพื่อต่อยอดและพัฒนาต่อไป
รูปแบบแรกนั้นใช้ไป 3 ฤดูกาล
รอบ | ผู้ชนะ | รองชนะ |
---|---|---|
16 สาย/8 สาย/4 สาย | 20,000 | 10,000 |
รองชนะเลิศ | 50,000 | 10,000 |
ชิงชนะเลิศ | 500,000 | 50,000 |
ขวัญใจสังเวียน (นัดพิเศษ) | 40,000 (+ 30,000 จากพิธีกร) | 20,000 |
โดยจะมีโชว์พิเศษจากศิลปินรับเชิญก่อน จากนั้นศิลปินรับเชิญจะให้โจทย์เพลงนั้นๆ ก่อนที่ทั้ง 2 ทีมจะมาโชว์ร้องเพลง หลังจากนั้นศิลปินรับเชิญจะให้ 50 คะแนน สำหรับทีมที่ร้องดี
ยกแรกจะมีแผ่นป้ายอยู่ 16 แผ่นป้ายแบ่งเป็น 2 ฝั่ง โดยฝั่งละ 8 แผ่นป้ายเปิดเจอเพลงอะไร ก็จะต้องเลือกสมาชิกคนใดคนนึงต้องออกมาร้องเพลง ซึ่งคณะกรรมการจะให้คะแนนระหว่างร้อง เมื่อร้องจบทั้ง 2 คน จะประกาศคะแนน ทีมไหนมีคะแนนเยอะกว่าจะได้เปรียบ
ต่อมาใน ฤดูกาลที่ 2 และ 3 ได้ปรับกติกาใหม่ คือ สามารถเลือกเพลงที่ถนัดได้
แตกต่างจะยกแรกคือ ทีมที่ชนะในยกแรกจะต้องเลือกสมาชิกที่เหลืออยู่มาร้อง โดยจะต้องเลือกเพลงจากแผ่นป้ายที่เหลือ เปิดเจอเพลงอะไรก็ต้องร้องเพลงนั้น โดยกรรมการจะให้คะแนนระหว่างร้อง หลังจากร้องจบ จะประกาศคะแนนซึ่งจะรวมจากคะแนนในยกแรกกับคะแนนในรอบนี้
หลังจากส่งคนมาในทั้ง 2 ยกแล้ว ยกสุดท้ายคือ คนที่ยังไม่ได้ร้องเป็นคนสุดท้ายจะต้องมาร้องเพลงและกรรมการทั้ง 7 คนจะให้คะแนนขณะที่ร้องอยู่ พอร้องครบทั้งคู่ จะประกาศคะแนนเพื่อหาคนชนะโดยรวมจากคะแนนใน 2 ยกแรกมารวมกับรอบนี้ ใครที่มีคะแนนเยอะกว่าจะชนะและเข้าสู่รอบต่อไป
ช่วงการแสดงตลก โดยระยะแรก นักแสดงตลก ได้อธิบายเล่าเรื่องเกี่ยวข้องของทีมผู้เข้าแข่งขันในแต่ละจังหวัดที่ส่งเข้าแข่งขัน
ต่อมาในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นช่วง รอยยิ้มข้างสังเวียน โดยปรับเปลี่ยนมาเป็นการแสดงตลกในแต่ละตอนแทน ซึ่งมีความยาวประมาณ 5-10 นาที
ต่อมาสุดท้าย ช่วงนั้นก็ถูกยกเลิกใน กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน ฤดูกาลที่ 3 เป็นต้นมา
ต่อมาได้ปรับโฉมใหม่ในฤดูกาลที่ 4-8 ได้ลดจำนวนทีมให้แข่งขันได้เร็วขึ้น จาก 32 ทีม มาเป็น 16 ทีม ทีมละ 4 คน กรรมการลดเหลือเพียง 5 คน และเพิ่มช่วงใหม่เป็นการเงาเสียง
รอบ | ผู้ชนะ | รองชนะ |
---|---|---|
8 สาย/4 สาย | 20,000 | 10,000 |
รองชนะเลิศ | 50,000 | 10,000 |
ชิงชนะเลิศ | 500,000 | 50,000 |
แชมป์เจ้าสังเวียน (นัดพิเศษ) | 1,000,000 | 500,000 |
ในฤดูกาลที่ 4 ทั้ง 2 ทีมจะต้องร้องเพลงจากคำในป้ายที่กำหนดภายในเวลา 5 วินาที โดยกรรมการตัดสินว่าผ่านหรือไม่ ถ้าทีมไหนจำไม่ได้ใน 5 วินาที หรือร้องไม่ถูก และกรรมการตัดสินว่าไม่ผ่าน ทีมนั้นได้ 10 คะแนน
ในตอนที่ 4 ของ ฤดูกาลที่ 4 (25 มีนาคม พ.ศ. 2555) ได้เพิ่มสิ่งอุปสรรคให้โหดขึ้นกว่าเดิม
ในตอนที่ 5 ของ ฤดูกาลที่ 4 (1 เมษายน พ.ศ. 2555) เปลี่ยนกติกาคือ ทีมฝ่ายตรงข้าม เลือกป้ายสมาชิกจากฝ่ายตรงข้าม (จาก 8 ป้าย) จากนั้น ร้องเพลงให้ได้นานที่สุดบนสิ่งอุปสรรคที่กำหนด(บนวัวกระทิงหรือวิ่งบนรางลู่วิ่ง) โดยจากนับเป็นวินาที ใครร้องได้นานสุด ได้ 10 คะแนน
ในยุค กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน ได้เปลี่ยนชื่อช่วงเป็น กระทิงซิงกิ้งคอนเทสต์ ลดเหลือสิ่งอุปสรรคคือ นั่งบนวัวกระทิง และการแข่งรอบนี้เหลือเพียง 1 รอบ เท่านั้น
จาก 3 คนอยู่ในประชันดวลเพลง เหลือ 1 คนจากทั้ง 2 ทีมจะมาประชันร้องหนึ่งว่าใคร จะเข้าสู้รอบต่อไป โดยผลตัดสินเป็นคะแนนจากกรรมการทั้ง 5 คน (เหมือนรูปแบบแรก) รวมกับคะแนนจากรอบประชันดวลเพลง
ช่วงที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมทางบ้านที่มีเสียงคล้ายกับศิลปิน ในฤดูกาลที่ 4 จะมีสัปดาห์ละ 2 คน ซึ่งคนร้องที่เป็นเงาเสียง จะต้องเข้าไปที่ตู้และร้องเพลง ซึ่งกรรมการทั้ง 5 คน จะกด Like ให้นักร้องเงาเสียง ถ้ากรรมการกด Like 3 ใน 5 เสียง จะได้รับเงินรางวัล 2,000 บาท แต่ถ้ากรรมการ 5 คน กด Like ทั้งหมด จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท และแต่ถ้ากรรมการกดไม่ถึง 3 Like จะโดนแป้งในตู้ทันที
ต่อมาในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นมา จะมีเจ้าของศิลปินมาเป็นกรรมการด้วย (มาในบางครั้ง รวมทั้งในยุค กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน ด้วย) และนักร้องเงาเสียงทั้ง 2 คนจะเป็นเงาเสียงคนเดียวกัน และตู้ได้เพิ่มเป็น 2 ตู้
กลับมาหลังจากรายการหายไป 1 เดือน กลับมาในรูปแบบเดิม เพิ่มเติมคือแจกเงินให้ชุมชนเป็น 1 ล้านบาท
รอบ | ผู้ชนะ | รองชนะ |
---|---|---|
8 สาย/รองชนะเลิศ | 20,000 | 10,000 |
ชิงชนะเสิศ/แชมป์เจ้าสังเวียน (นัดพิเศษ) | 1,000,000 | 500,000 |
เปลี่ยนกติกาใหม่เล็กน้อยคือ โดยกรรมการทั้ง 5 คนจะให้กด Like ทีละคน แต่เงินรางวัลเป็นของยุค กิ๊กดู๋ สงครามเพลง เหมือนเดิม และรวมทั้งศิลปินต้นฉบับมาตัดสินด้วย กติกานี้ใช้ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 9 เมษายน พ.ศ. 2556 และ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ต่อมาได้เปลี่ยนกติกาใหม่ในฤดูกาลที่ 2 (ล้านที่ 2) คือ โดยจะมีผู้เข้าแข่งขันสัปดาห์ละ 4 คน แบ่งเป็น 2 คู่ (โดยวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 มี 3 คน ต้องหาจับคู่ และคนที่เหลือต้องรอคนที่ชนะรอบแรกมาแข่ง) แต่ละคู่จะเข้าแข่งขันโดยร้องเพลง 1 เพลงของศิลปินประจำสัปดาห์ จากนั้นจะให้กรรมการ 5 ท่านเป็นผู้ตัดสิน โดยยกป้ายว่าพึงพอใจเสียงผู้เข้าแข่งขัน A หรือ B ผู้เข้าแข่งขันคนใดได้คะแนนจากกรรมการมากกว่า จะเข้ารอบต่อไปเพื่อแข่งขันกับผู้ชนะของอีกคู่ จากนั้นจะนำผู้ชนะของแต่ละคู่มาร้องเพลงของศิลปินประจำสัปดาห์ 1 เพลง เมื่อจบเพลงจะให้ศิลปินเจ้าของเพลงเป็นผู้ตัดสินว่าเสียงของผู้เข้าแข่งขันคนใดเสียงเหมือนที่สุด ผู้แพ้ในแต่ละรอบจะโดนแป้ง และผู้เข้าแข่งขันที่ได้คะแนนจากคณะกรรมการหรือเจ้าของเงาเสียง
โชว์พิเศษ จากต้นฉบับ ที่ร่วมร้องเพลงกับเงาเสียงในรายการ
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ทีมจะต้องเลือก 1 แผ่นป้ายจากแผ่นป้ายผู้สนับสนุนทั้ง 8 แผ่นป้ายในฝั่งสีแดงและสีน้ำเงินของตนเอง (2 ฝั่งรวมเป็น 16 แผ่นป้าย) เพื่อเปิดชื่อจับคู่ผู้เข้าแข่งขันของฝ่ายตรงข้าม โดยจะเริ่มเป็นการแข่งขันในรอบที่ 1 ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่เหลือจะถูกจับคู่เป็นการแข่งขันรอบที่ 2 ต่อไป
หลังจากการแข่งขันกรรมการทั้ง 5 คน มีคนละ 1 คะแนน จะต้องยกป้ายเลือกว่าจะพอใจจังหวัดไหน จังหวัดใดที่ได้คะแนนมากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะในแต่ละรอบ และจะได้เก็บคะแนนสะสมไป โดยการ Battle ในรอบที่ 1 จะได้ 5 คะแนน และการ Battle รอบที่ 2 จะได้ 10 คะแนน ซึ่งรวมแล้วคะแนนเต็มในรอบนี้คือ 15 คะแนน
เป็นการแสดงของนักร้องนักดนตรีวงต่าง ๆ มาแสดงก่อนเริ่มการแข่งขันสงครามเพลงเงินล้าน
เกมในการแข่งขันจะแข่งเป็น เดี่ยว แบบ ตัวต่อตัว
สืบเนื่องจากกติกาใน กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงาเสียง คือ ศิลปินต้นฉบับประจำสัปดาห์จะต้องเลือกแผ่นป้ายผู้สนับสนุน 8 แผ่นป้าย โดยแบ่งเป็นฝั่ง A สีแดง 4 แผ่นป้าย และฝั่ง B สีน้ำเงิน 4 แผ่นป้าย เพื่อเลือกผู้แข่งขัน 2 คนจาก 4 คนมาจับคู่เป็นการแข่งขันในคู่แรก ส่วนการแข่งขันคู่ที่ 2 ผู้ชนะจากคู่แรก จะมีสิทธิ์เลือกที่จะแข่งกับผู้เข้าแข่งขันที่เหลือ อีก 2 คนได้โดยไม่ต้องเปิดแผ่นป้าย และรอบตัดสินผู้ชนะจากรอบที่ 2 จะต้องแข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่ทันที
การตัดสินต้นฉบับจะมีสิทธิ์ร่วมตัดสินการแข่งขันในคู่แรกและคู่ที่ 2 ด้วย โดยต้นฉบับจะมี 2 Like (สามารถยกให้ได้ทั้ง A และ B ในกรณีที่ให้เสมอ) และกรรมการ 5 คนจะมีคนละ 1 Like หากผู้เข้าแข่งขันที่ได้คะแนน Like มากกว่าจะเป็นผู้ชนะในรอบนั้นและผู้แพ้จะต้องโดนแป้ง
ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา (เทปเงาเสียงไมค์ ภิรมย์พร) จะเพิ่มตู้เป็น 4 ตู้ แต่ละตู้จะไม่เหมือนกัน จะมีกระดาษสี, น้ำ, แป้ง (ของเดิม) และโคลน(ภายหลังเพิ่มแยมขนมปัง ซึ่งมีรสชาติแตกต่างกันมาด้วย) ซึ่งผู้แข่งขันจะต้องเลือกตู้ก่อน ฝั่งที่แพ้ก็จะโดนสิ่งนั้นจากตู้ร่วงลงมาใส่ทันทีหมายเหตุ : ของลงโทษในแต่ละตู้อาจจะมีการสลับสับเปลี่ยนในแต่ละเทปได้และจะมีของลงโทษเพิ่มเติมในภายหลัง
ในการแข่งขันได้เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คือ โดยจะมีป้ายของฝังทีมเองทั้ง 8 ป้าย ซึ่งเป็นป้ายเพลงของ ศิลปินต้นฉบับประจำสัปดาห์ ทั้งหมด และผู้เข้าแข่งขันในชุมชน จะร้องเพลงตามแนวที่ถนัดของตน ตามป้ายเพลงที่เลือกไว้ โดยจะตัดสินจาก กรรมการ 5 คนจะให้คะแนน 1,000 คะแนน ใครได้คะแนนมากสุด ผ่านเข้ารอบต่อไป
เปลี่ยนรูปแบบใหม่ให้เร็วขึ้นคือ จะแจกเงินล้านเป็นรายสัปดาห์ เพื่อหาผู้ชนะไปช่วยร่วมกับดารา โดยทีมเป็นชุมชนของจังหวัด 2 ทีม ทีมละ 2 คน ซึ่งทีมที่แพ้และทีมพลาดเงินหนึ่งล้านบาทต้องกลับมา โดยโหวตทาง Facebook
ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยคือ ตั้งแต่ วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา ดาราจะมาแข่งด้วย เป็นคนละทีมรวมกับสมาชิกของชุมชนอีก 1 คน โดยดาราเลือกเป็นตัวแทนประจำชุมชน
โดยจะมีป้ายของฝังทีมเองทั้ง 8 ป้าย เลือกป้ายคนที่จะร้องในคู่แรก และอีกคู่ไปดวลอีก 1 ยก กรรมการทั้ง 4 คนจะให้คะแนน โดยทั้ง 2 ยก มี 1,000 คะแนน ทีมใดได้คะแนนสูงสุดทั้ง 2 ยก เข้ารอบโบนัส ซุปตาร์เงินล้าน
รอบสุดท้าย (Jackpot) ของ กิ๊กดู๋ ซุปตาร์เงินล้าน จะใช้รูปแบบเกมจากรอบแจ็กพอตของ 07 โชว์ ในยุคแรก มาปรับเปลี่ยนใหม่ โดยดาราจะงมหาเหรียญในตู้น้ำที่มีหีบสมบัติอยู่ ตามเวลากำหนด 45 วินาที โดยก่อนจะเริ่ม ทีมที่เข้ารอบจะได้เลือกป้ายเพิ่มเวลา 2 ป้าย จาก 9 ป้าย โดยมี 30 วินาที 1 ป้าย, 20 วินาที 6 ป้าย และ 10 วินาที 2 ป้าย
ซึ่งในการงมหาเหรียญนั้น ภายในตู้น้ำจะมีหีบสมบัติอยู่จำนวน 3 หีบ ดาราจะต้องหาเหรียญที่มีตราสัญลักษณ์ของรายการแล้วเอามาวางที่แท่นใส่เหรียญเท่านั้น อย่าเจอเหรียญที่ไม่มีตราสัญลักษณ์ ภายในเวลาที่กำหนด (65 วินาที,75วินาที,85วินาที,95วินาที ,105วินาที,และสูงสุด 115วินาที)
โดยเหรียญที่มีตราสัญลักษณ์มีค่าเงินรางวัลเหรียญละ 10,000 บาท แต่ถ้าเจอเหรียญที่มีตราสัญลักษณ์ครบ 7 เหรียญ จะได้รับเงินรางวัล Jackpot ให้ชุมชน 1,000,000 บาท แต่ในกรณีเมื่อหมดเวลาแล้วไม่สามารถหาเหรียญที่มีตราสัญลักษณ์ของรายการจนเจอ ชุมชนจะได้รับเงินรางวัลปลอบใจไป 10,000 บาท
เมนูนำทาง
กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน รูปแบบรายการใกล้เคียง
กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงาเสียงแหล่งที่มา
WikiPedia: กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน http://www.isnhotnews.com/2010/10/%E0%B8%9B%E0%B8%... http://www.ryt9.com/s/bmnd/1095968 https://www.youtube.com/watch?v=dL2Rb8pQM0Y